ปูทะเลกับปูดำ ความแตกต่างที่น่าสนใจ และวิธีแยกเพศปูทะเล

ปูทะเล และปูดำมักจะทำให้หลายคนสงสัยว่าเป็นปูชนิดเดียวกันหรือไม่? ในความเป็นจริงแล้ว ปูทั้งสองนี้คือปูชนิดเดียวกันที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Scylla spp. ซึ่งอยู่ในวงศ์เดียวกับปูม้า แต่จะมีการเรียกแตกต่างกันตามลักษณะ และสีของปู รวมถึงภูมิภาคที่ต่างกัน

ปูทะเล เป็นชื่อที่ใช้เรียกปูชนิดนี้โดยทั่วไป พบได้ในหลายพื้นที่ ทั้งในประเทศไทย และประเทศอื่น ๆ โดยแบ่งออกเป็นปูตัวผู้ (ปูเนื้อ) ที่มีเนื้อแน่น หวาน รวมถึงปูตัวเมีย (ปูไข่) ที่มีไข่เต็มท้อง ซึ่งเป็นส่วนที่ได้รับความนิยมมากในเมนูหลากหลาย เช่น ปูไข่นึ่งนมสด ปูผัดผงกะหรี่ และปูอบวุ้นเส้น

ปูดำ หรือบางครั้งเรียกว่า ปูขี้เทา คือการเรียกปูทะเลที่มีสีดำ หรือสีเข้ม ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นปูที่ยังไม่ได้ลอกคราบ หรือปูที่มีเปลือกยังไม่สดใสมากนัก ทั้งนี้ ปูทะเลที่มีสีออกเขียวหรือดำก็เป็นลักษณะตามการเจริญเติบโตของมัน

วิธีแยกเพศปูทะเล หรือปูดำ

การแยกเพศของปูทะเล และปูดำสามารถทำได้ง่าย โดยใช้วิธีสังเกตจากลักษณะกระดองท้อง

1. ลักษณะกระดองท้อง

ปูตัวผู้ (ปูเนื้อ) จะมีแผ่นกระดองท้องแคบ และยาวเป็นสามเหลี่ยม

ปูตัวเมีย (ปูไข่) จะมีกระดองท้องกว้าง โค้งมน เพื่อรองรับไข่

2. ขนาด และรูปทรงของก้าม

ปูตัวผู้ มักมีก้ามที่ใหญ่มีความแข็งแรง

ปูตัวเมีย ก้ามเล็กกว่า แต่มีลำตัวอวบกว่า

3. สีของกระดอง

ปูตัวผู้ มักจะมีเปลือกสีเข้มกว่า

ปูตัวเมีย หากมีไข่จะมีสีเปลือกอ่อนกว่าปกติ และอาจพบจุดส้ม ๆ บริเวณกระดองท้องที่เป็นสัญญาณของไข่

เทคนิคเลือกปูทะเล หรือปูดำให้ได้คุณภาพดีที่สุด

1.ปูเนื้อ ควรมีกระดองแข็ง มีความหนัก เพราะแสดงถึงเนื้อที่เต็ม และสดใหม่

2.ปูไข่ ควรเลือกตัวที่มีท้องเต็ม ซึ่งสามารถสังเกตได้จากจุดส้ม ๆ บริเวณกระดองท้องที่เป็นไข่

3.เลือกปูที่ยังมีชีวิตอยู่ เพราะการเคลื่อนไหวได้จะช่วยยืนยันว่าเป็นปูสด

4.ตรวจสอบสภาพของตา และขา ถ้าตาใส ขาแข็งแรง ก็แสดงว่าเป็นปูที่สดใหม่

ประโยชน์ของปูทะเล หรือปูดำ

ปูทะเล และปูดำไม่เพียงแต่มีรสชาติอร่อย แต่ยังเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดีที่อุดมไปด้วยแคลเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี ซึ่งช่วยเสริมสร้างกระดูก และฟัน อีกทั้งยังมีโอเมก้า-3 ที่ดีต่อสมอง และระบบประสาท นอกจากนี้ ไข่ปูยังมีไขมันดี รวมถึงวิตามินที่ช่วยบำรุงร่างกายได้ดี